วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ที่มาที่ไป MicroStation

ก่อนที่จะเป็น MicroStation นั้น จะมีระบบ IGDS (ตัวย่อของ Interactive Graphic Design System) ซึ่งเป็น
ส่วนหนึ่งของ Turnkey CAD System ที่ทาง Intergraph ได้จัดทำเป็นชุดขึ้นมาก่อนแล้ว ทำงานบน Minicomputer-based platform
ผู้ใช้งานจะซื้อใช้งานทั้งระบบ ซึ่งประกอบไปด้วย Graphic terminal, Computer, Disk drives และแม้กระทั่ง Plotter
โดยผลิตภัณฑ์นี้ ได้จัดทำขึ้นประมาณกลางปี 1970 และได้เป็นผู้นำ ของระบบ CAD ที่ทำงานบน Minicomputer-based platform
Intergraph ทำระบบขึ้นในระหว่างที่เริ่มมีโครงการของ Apollo moon mission project โดยได้พัฒนาโปรแกรมแบบ Realtime
สำหรับโครงการอวกาศ และในปลายปี 1960 -1970 Intergraph (ที่รู้จักกันในนาม M & S Computing) ก็ได้พัฒนาหลากหลาย
ผลิตภัณฑ์ซึ่งประกอบไปด้วยชุดของ printed circuit board software สำหรับองค์การNASA (National Aeronautics and Space Administration) และชุดของ Mapping graphics ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น IGDS นั่นเอง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ประสบความสำเร็จ
มากที่สุด

ในปี 1980 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น Intergraph ซึ่งมาจากคำว่า INTERactive GRAPHic ผลิตภัณฑ์ทางด้าน CAD ได้ถูกปรับ
ปรุงให้ทำงานได้ตามความต้องการของลูกค้า ถึงแม้ว่าช่วงเริ่มต้นจะมุ่งเน้นในส่วนของงานทางด้าน Mapping และ Geophysics science
ซึ่งใช้ในงานของบริษัทน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม ช่วงนี้ IGDS ก็ได้จัด CAD System เพื่อช่วยงานในสายงานทางวิศวกรรมต่างๆ ด้วย ตั้งแต่งานทางด้านออกแบบทาง Electronic และ Mechanics ไปจนถึงงานทางด้าน Architectural และ Civil engineering ซึ่งผู้ที่ใช้งาน IGDS ของ Intergraph จะแสดงถึง ความกว้างขวางในโลกวิศวกรรม

ก่อนปี 1980 นั้น Intergraph ได้ย้าย IGDS จาก DEC's older 16 bits PDP-11 minicomputer ไปสู่ 32 bit VAX super
mini-computer โดยหลายปีต่อมา MicroStation ก็เกิดในลักษณะเดียวกัน เมื่อ MicroStation ได้ย้ายจาก 16 bit 80286 CPU ไปสู่
32 bit 80386 CPU
Intergraph ยังคงเข้าไปเกี่ยวข้องกับโครงการของลูกค้าเสมอ โดยโครงการดังกล่าวเป็นระบบถ่ายทอดคำสั่งอัติโนมัติ
(The command post automation system) ของระบบคำสั่งขีปนาวุธของกองทัพบกอเมริกา( U.S. Army)

จุดเริ่มต้นของ MicroStation และ Bentley System
ถึงแม้ว่าระบบ Intergraph's IGDS จะเป็นส่วนสำคัญของงาน ที่ต้องใช้งานบน Super mini-computer แต่คำว่า แพงมาก จะถูก
กล่าวถึงเสมอๆ ในปี 1986 บริษัทที่เริ่มต้นใหม่ๆ คือ Bentley Systems ใน Pensylvania กล้าที่จะทำในสิ่งที่คิดไม่ถึง คือ สร้าง Software program ที่ไม่เพียงแต่อ่าน และ เขียนรูปแบบของ IGDS-compatible files เท่านั้น แต่ยังคงกระทำและทำงานได้เหมือน IGDS ขณะที่
ทำงานบน IBM PC.
จากการพิจารณา IGDS design file format ที่จะปรับให้ทำงานกับรูปแบบ 32 bit mini computer มันไม่ใช่งานที่
น้อยเลย ก่อนที่จะเปลี่ยนแนวทางของโครงการนี้ พี่น้องตระกูล Bentley (Keith, Ray, Barty และ Scott) ได้สร้าง IGDS graphics
terminal ที่ความสามารถเท่าเทียมกันชื่อว่า PseudoStation ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ยอมให้ดู และแก้ไข IGDS design file โดยใช้ Tektronix graphic workstation ที่ราคาไม่แพง และมาแทนที่เครื่องของ Intergraph ที่มีคุณภาพสูงรุ่น Interact workstation ที่มีราคาแพง

จาก Pseudo มาสู่ Micro
โครงการ PseudoStation ทำให้ Bentleys มองถึงการทำงานของ IGDS และเตรียมตัวที่จะทำการสร้าง MicroStation I
ซึ่งเลียนแบบการอ่านข้อมูล IGDS ได้อย่างเดียวโดยออกแบบให้ทำงานได้บน IBM PC
MicroStation II เป็นโปรแกรมที่สมบูรณ์ตัวแรกที่เข้ากันได้ดีกับ IGDS สำหรับเครื่อง IBM PC เป็นเหตุผลสำคัญที่
Intergraph เริ่มสนใจใน Bentley Systems ซึ่งเป็นผลจากการที่ Bentey ได้ทำการสาธิต MicroStation ที่ทำงานบนเครื่องรุ่นใหม่รุ่น InterPro workstation และผลการเจรจาก็สิ้นสุดลง โดย Bentley เป็นผู้ทำการสร้าง MicroStation และ Intergraph จะเป็นผู้ทำตลาดให้
Intergraph ยังเป็นเจ้าของบางส่วนของ Bentley Systems ด้วย จนกระทั่งปี 1995 การทำตลาด ก็กลับมาให้ Bentley Systems
เป็นผู้จัดการ
MicroStation ได้วิวัฒนาการได้เร็วมาก ได้รวมความสามารถในการทำงานของ IGDS ไว้ทั้งหมด รวมไปถึงการจัดการงานทาง
ด้าน Databse การทำงานเข้ากันได้ดีกับ user command program (ucm) และคำสั่งทั้งหมด ด้วยการสร้างโปรแกรมตั้งแต่ Version 4 จน
กระทั่งถึงปัจจุบัน เป็น MicroStation version J,8.5 และXM โปรแกรม MicroStation เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถ โดยไม่ได้เป็นเจริญ
รอยตาม หรือเป็นเงาให้กับ IGDS อีกต่อไป
MicroStation ยังคงรวมความสามารถในการแลกเปลี่ยนข้อมูลของการออกแบบกับระบบเดิม คือ IGDS system ไว้ด้วย

2 ความคิดเห็น:

  1. ในปัจจุบันนี้(2009) version V8i-SS1(SelectSeries1) ได้ทำการปรับปรุงหลายๆ อย่างมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา เครื่องมือ และที่ผมชอบและใช้งานอยู่มากๆ ก็คือการเข้ากันได้กับ Autocad ในรูปแบบ DWG มากขึ้นกว่าเดิม เกือบทั้งหมดแล้ว โดยตัวใหม่นี้ ใช้ RealDWG ที่ซื้อมาจาก AutoDesk ซึ่งทาง AutoDesk ได้พัฒนาโมดูลนี้ เพื่อให้โปรแกรมอื่นๆ ที่ต้องการอ่าน dwg ได้ ไม่ต้องพัฒนามาก นำไปใช้งานได้เลย ทำให้ความ compatible จะดีมากกว่าเดิม
    และ print organizer ที่มาแทน batch print ทำหน้าที่ได้ดีกว่าเดิม สามารถส่งงานพิมพ์ หลายไฟล์ได้ในทีเดียว และ preview ดูได้ก่อน จะส่งพิมพ์ ลดปัญหาพิมพ์เสียได้มากทีเดียว

    ตอบลบ
  2. RealDWG คืออะไร
    Get to market faster and give your products a competitive edge with the RealDWG™ 2010 developer toolkit from Autodesk. It's the only toolkit that provides DWG™ read/write capability from the source.

    The RealDWG toolkit enables you share design data with confidence using the native DWG format. So you can create applications with 100 percent DWG read/write capability. Deliver your products with the latest DWG technology available from Autodesk.

    The RealDWG 2010 software library allows C++ and .NET developers to read and write AutoCAD® software DWG™ and DXF™ files. RealDWG 2010 provides compatibility with AutoCAD DWG files, including read and write support for the AutoCAD R14, 2000, 2000i, 2002, 2004, 2005, 2006, 2007, 2008, 2009, and 2010 releases and drawing enhancements now available with AutoCAD 2010. RealDWG 2010 is also used internally by Autodesk to provide DWG support in non-AutoCAD-based applications, such as Revit® platform-based products and Autodesk® Inventor® software products.”

    ที่มา RealDWG http://usa.autodesk.com/adsk/servlet/index?siteID=123112&id=770257

    ตอบลบ